หากคุณต้องการให้บทความของคุณใน WordPress ได้รับการจัดอันดับที่ดีบน Google และดึงดูดผู้อ่านมากขึ้น การลงเนื้อหาให้ถูกต้องและปรับแต่ง SEO อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เรามาดู ขั้นตอนการลงบทความ และ การตั้งค่า SEO ที่จำเป็น กันครับ
1. วิธีลงบทความใน WordPress
ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่ระบบ WordPress
- เข้าไปที่ เว็บไซต์ของคุณ (yourwebsite.com/wp-admin)
- ใส่ Username และ Password เพื่อเข้าสู่ Dashboard
ขั้นตอนที่ 2: สร้างโพสต์ใหม่
- ไปที่เมนู “โพสต์” (Posts) → “เพิ่มใหม่” (Add New)
- พิมพ์ หัวข้อบทความ (Title) และเพิ่ม เนื้อหา (Content) ใน Editor
ขั้นตอนที่ 3: จัดรูปแบบเนื้อหาให้อ่านง่าย
- ใช้ Heading (H1, H2, H3) เพื่อแบ่งเนื้อหา
- ใช้ Bullet Points หรือ List เพื่อนำเสนอข้อมูลให้อ่านง่าย
- ใส่ รูปภาพประกอบ และอย่าลืมเพิ่ม Alt Text เพื่อช่วยใน SEO
- ใช้ Internal Links (ลิงก์ไปบทความอื่นในเว็บ) และ External Links (ลิงก์ไปแหล่งข้อมูลภายนอกที่น่าเชื่อถือ)
ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มหมวดหมู่ & แท็ก
- เลือก หมวดหมู่ (Category) ที่เหมาะสมกับบทความ
- เพิ่ม แท็ก (Tags) ที่เกี่ยวข้อง (แต่ไม่ควรใส่เยอะเกินไป)
2. การตั้งค่า SEO สำหรับโพสต์ WordPress
1. ตั้งค่า URL (Permalink) ให้เป็นมิตรกับ SEO
- ควรเป็น URL ที่อ่านง่าย เช่น
yourwebsite.com/seo-wordpress-guide
- หลีกเลี่ยง URL ที่เป็นตัวเลขยาว ๆ เช่น
yourwebsite.com/?p=1234
2. ใช้ปลั๊กอิน SEO เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math
- Title Tag (Meta Title): ตั้งชื่อให้น่าสนใจ และใส่ Keyword หลัก
- Meta Description: เขียนคำอธิบายที่ดึงดูด และใส่ Keyword ที่สำคัญ
- Focus Keyword: ระบุคำหลักที่ต้องการให้บทความติดอันดับ
3. ตั้งค่า Featured Image (ภาพเด่น)
- เลือกรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- ใส่ Alt Text และคำอธิบายภาพให้สอดคล้องกับ SEO
4. ใช้โครงสร้างเนื้อหาแบบ SEO-Friendly
- หัวข้อหลักควรใช้ H1 (ควรมีแค่ 1 อันต่อโพสต์)
- หัวข้อรองใช้ H2, H3, H4 ให้เหมาะสม
- กระจาย Keyword ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ใช้เยอะเกินไป
5. ตรวจสอบความเร็วเว็บไซต์
- บีบอัดรูปภาพด้วย ปลั๊กอิน Smush หรือ TinyPNG
- ใช้ Caching Plugin เช่น WP Rocket หรือ W3 Total Cache
6. แชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดีย
- ใช้ Social Sharing Plugin เพื่อให้ผู้อ่านแชร์บทความได้ง่ายขึ้น
สรุป
- ลงบทความ WordPress ให้ถูกต้อง โดยจัดเนื้อหาให้เป็นระเบียบ
- ปรับแต่ง SEO ด้วยการใช้ Keyword, URL ที่เหมาะสม, Meta Title & Description
- ใช้ปลั๊กอิน SEO เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อช่วยจัดอันดับ
- เพิ่ม Internal & External Links เพื่อช่วยให้บทความมีคุณภาพ
- เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ และแชร์ลงโซเชียลเพื่อเพิ่ม Traffic
การทำ SEO สำหรับ WordPress ไม่ยาก แต่ต้องอาศัย ความสม่ำเสมอ และ การปรับปรุงเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง