รีวิวการใช้ที่ตรวจ HIV เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเชื้อ HIV อาจไม่มีอาการในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ หลายคนเลือกตรวจเพราะมี ความกังวล หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย การตรวจหาเชื้อหรือป้องกันเป็นการรักษาตัวเราได้เร็วมากขึ้นเพื่อการรักตัวเองและไม่ให้เกิดการป้องกันได้เร็วทัน
ข้อกังวลเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงสำหรับผู้ตรวจ HIV
- มี เพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรืออุปกรณ์ป้องกัน
- มีคู่นอนหลายคน หรือมีคู่นอนที่ไม่ทราบประวัติทางสุขภาพ
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เช่น ในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด
- เคยได้รับเลือด หรือผลิตภัณฑ์จากเลือดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน
วิธีใช้ชุดตรวจ HIV ขั้นตอนง่าย ๆ
- ล้างมือให้สะอาดและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
- อ่านคำแนะนำของชุดตรวจอย่างละเอียด
- เก็บตัวอย่าง (น้ำลายหรือเลือด) ตามวิธีของชุดตรวจที่ใช้
- รอเวลาตามที่กำหนด (ปกติ 15-20 นาที)
- อ่านผลตรวจจากแถบทดสอบ
การใช้ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเองเป็นวิธีที่ สะดวก รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม หากผลเป็นบวกหรือไม่แน่ใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจยืนยันอีกครั้ง และหากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น HIV ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที เพราะปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://thailandhivtest.com ให้บริการจัดหน่ายสินค้าชุดตรวจ HIV ที่ผ่านการตรวจสอบอย.และมีความปลอดภัย หากต้องการสั่งซื้อสินค้าสามารถเลือกดูได้จากหน้าเว็บไซต์ได้เลย
หลังจากใช้ ชุดตรวจ HIV แล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปจะแตกต่างกันไปตาม ผลการตรวจที่ได้รับ ดังนี้
กรณีผลตรวจ “ลบ” (Negative / Non-reactive)
หมายถึง ตรวจไม่พบเชื้อ HIV ในร่างกาย
แต่ควรพิจารณาต่อไปนี้:
ตรวจเร็วเกินไปหรือไม่?
หากคุณเพิ่งมีพฤติกรรมเสี่ยงภายใน 2-12 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ช่วง “window period”) ร่างกายอาจยังไม่สร้างแอนติบอดีเพียงพอให้ตรวจพบ
– ควรตรวจซ้ำในอีก 1-3 เดือน เพื่อยืนยันผล
ไม่มีความเสี่ยงเพิ่มเติม?
หากคุณไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงอีกหลังจากนั้น และรอช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ผลที่ได้ถือว่าน่าเชื่อถือ
ดูแลป้องกันตัวเองต่อไป
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่เจาะผิวหนังร่วมกับผู้อื่น
กรณีผลตรวจ “บวก” (Positive / Reactive)
หมายถึง อาจพบเชื้อ HIV แต่ยังไม่สามารถยืนยัน 100% ได้ ต้องตรวจยืนยันซ้ำ
สิ่งที่ควรทำคือ
อย่าตกใจ
ผลจากชุดตรวจด้วยตัวเองเป็นแค่การ “คัดกรองเบื้องต้น” เท่านั้น อาจมีความคลาดเคลื่อน
รีบไปตรวจยืนยันที่สถานพยาบาล
ตรวจยืนยันด้วยวิธีมาตรฐาน เช่น NAT, Western blot หรือ PCR ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีบริการ
หากผลยืนยันว่าติดเชื้อจริง
เข้ารับ ยาต้านไวรัส (ART) โดยเร็ว ยิ่งเริ่มรักษาเร็ว ยิ่งช่วยลดจำนวนไวรัสในร่างกาย และลดโอกาสแพร่เชื้อ
ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีสุขภาพที่แข็งแรง หากรับยาสม่ำเสมอ
ปรึกษาและรับคำแนะนำ
ติดต่อสายด่วน เช่น 1663 (ปรึกษาท้องไม่พร้อมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)
ขอคำปรึกษาจากคลินิกหรือองค์กรที่ให้การดูแลผู้ติดเชื้อ
เชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่โรคเอดส์ได้ แต่ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน ผู้ที่ติดเชื้อ HIV สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีได้ หากเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม รู้เร็ว = รักษาเร็ว = ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อ และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ