เทคโนโลยี RFID (Radio-Frequency Identification) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุสินค้าหรือตัวตนด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากกว่าที่เราคิด ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้และซ่อนตัวอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำโดยที่เราไม่รู้ก็ได้
ตัวอย่างระบบ RFID ที่ถูกนำมาใช้
บัตร Easy Pass
หลายคนคงคุ้นเคยกับบัตร Easy Pass ที่ใช้สำหรับชำระค่าผ่านทางด่วน เทคโนโลยี RFID ในบัตรจะช่วยให้ระบบสามารถอ่านข้อมูลและตัดเงินค่าผ่านทางได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องหยุดรถ ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้
บัตรโดยสาร
ไม่ว่าจะเป็นบัตร BTS MRT หรือบัตรโดยสารรถเมล์สมาร์ทการ์ด ในกรุงเทพมหานคร บัตรเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว เพียงแค่แตะบัตรที่เครื่องสแกน ระบบก็จะทำการหักเงินค่าโดยสารอัตโนมัติ
กุญแจรถยนต์
แน่นอนว่าในปี 2567 นี้ กุญแจรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ก็เริ่มใช้ระบบ Keyless Entry ซึ่งอาศัยเทคโนโลยี RFID ในการปลดล็อกและสตาร์ทรถมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่พกกุญแจไว้ใกล้ๆ ตัว เราก็สามารถปลดล็อครถยนต์ได้ โดยไม่ต้องใช้กุญแจเสียบกับประตูรถยนต์ อีกทั้งยังมีการนำ RFID มาใช้ติดตามตำแหน่งของรถยนต์ในกรณีที่ถูกขโมยอีกด้วย
บัตรเข้าออกอาคาร/คอนโด
บัตรเข้าออกอาคารหรือคอนโดหลายๆแห่ง เริ่มใช้เทคโนโลยี RFID ในการควบคุมการเข้าออกอาคาร เพียงแค่แตะบัตรที่เครื่องสแกน ระบบก็จะทำการเปิดประตูให้ เพื่อป้องกันบุคคลอื่นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าออกได้ดีอีกด้วย
บัตรนักเรียน/บัตรนักศึกษา
การใช้เทคโนโลยี RFID นั้น มีประโยชน์อย่างมากในการยืนยันตัวตนของนักเรียนหรือนักศึกษา บัตรเหล่านี้ยังสามารถใช้ในการชำระค่าอาหาร ค่าหอพัก หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภายในมหาวิทยาลัย ให้นักเรียนหรือนักศึกษาสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น
ปอกคอสัตว์เลี้ยง
ปอกคอสัตว์เลี้ยงบางรุ่นนั้น มีการนำเทคโนโลยี RFID มาใช้ในการติดตามตัวสัตว์เลี้ยง โดยชิปนี้จะเก็บข้อมูลของสัตว์เลี้ยง เช่น ชื่อ สายพันธุ์ เจ้าของ หากสัตว์เลี้ยงหลงทาง ผู้พบเห็นสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปสแกนที่คลินิกสัตว์เลี้ยง เพื่อตรวจสอบข้อมูลและติดต่อเจ้าของได้
บัตรเครดิต/บัตรเดบิต/บัตร Visa
เทคโนโลยี RFID ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญของบัตรหลายๆรุ่น ในการชำระเงินแบบไร้สัมผัสของปี 2567 นี้ เพียงแค่แตะบัตรที่เครื่องสแกน เครื่องอ่านบัตรจะส่งคลื่นวิทยุไปยังชิปภายในบัตรเพื่ออ่านข้อมูลและทำรายการตามที่แจ้ง ระบบก็จะทำการหักเงินอัตโนมัติ
Tag RFID กับสินค้าที่มีมูลค่า
การติด Tag RFID กับสินค้าจะช่วยให้สามารถติดตามสินค้าได้ตลอดทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง และการจัดเก็บ ซึ่งช่วยให้ทราบจำนวนสินค้าคงเหลือ ตรวจสอบสินค้าที่หายไป และป้องกันการขโมยสินค้า รวมถึงทราบตำแหน่งของสินค้าได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่นิยมใช้ RFID
นอกจากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เทคโนโลยี RFID ยังถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น
- ด้านโลจิสติกส์ ซึ่งความสำคัญของ RFID ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์นั้น ช่วยในการติดตามสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการกระจายสินค้า
- ด้านการผลิต สามารถควบคุมกระบวนการผลิต ติดตามชิ้นส่วน และตรวจสอบคุณภาพสินค้า
- ด้านการแพทย์ โดยติดตามอุปกรณ์ทางการแพทย์ และจัดการข้อมูลผู้ป่วย
- ด้านการรักษาความปลอดภัย ช่วยควบคุมการเข้าออกอาคาร และป้องกันการสูญหายของทรัพย์สิน
สรุปได้ว่า เทคโนโลยี RFID นั้น ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การพัฒนาสังคม และในอนาคต เช่น การนำไปใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ การจัดการคลังสินค้า และการแพทย์นั่นเอง